วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

มาตรฐานการบัญชีไทยในปัจจุบัน

Update ข่าวบัญชี
มาตรฐานบัญชีไทยตกชั้นสากล และการปฏิบัติตามมาตรฐาน IAS 39

แหล่งข้อมูลความรู้ทางบัญชี - Update ข่าวสารการบัญชี
ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์ ฯ (PWC, หนึ่งในสำนักบัญชีระดับ Big 4) จี้เร่งยกเครื่อง มาตรฐานบัญชี ไทย เผยปัจจุบันยังตกชั้นสากล ส่งผลบริษัทจดทะเบียนที่จะก้าวสู่โลกภายนอกถูกดิสเคาส์ราคาหุ้น รับปัจจุบันสภาวิชาชีพบัญชี อยู่ระหว่างทำประชาพิจารณ์ เตรียมคลอดมาตรฐานบัญชีเพิ่มเติมอีก 28 ฉบับ เปลี่ยนโฉมงบการเงินของกิจการสะท้อนความจริงมากขึ้น จับตาบริษัทที่ใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการเงินกระทบแน่
มาตรฐานบัญชีของไทยในปัจจุบัน
นางสาวแน่งน้อย เจริญทวีทรัพย์ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต และหุ้นส่วน บริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส ประเทศไทย ในสายงานบริการการตรวจสอบบัญชี กล่าวว่า ปัจจุบันมาตรฐานบัญชีของไทยยังไม่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ดังนั้นไทยนั้นควรยกระดับมาตรฐานบัญชีให้เทียบเท่าสากลในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับประเทศอื่น ๆ และถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นเนื่องจากแนวโน้มจะมีการทำธุรกิจข้ามประเทศมากขึ้น ยกตัวอย่าง หากบริษัทจดทะเบียนในประเทศยังมีมาตรฐานบัญชีที่ไม่เป็นสากล อาจทำให้เสียเปรียบในการเจรจาธุรกิจ โดยอาจถูกมองแบบมีส่วนลดในราคาหุ้น(ดิสเคาส์) และหากผู้ประกอบการยังไม่พร้อมและไม่มีการปรับตัวตลาดทุนของไทยก็อาจจะด้อยกว่าประเทศอื่นได้
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3 องค์กรที่จะผลักดัน ประกอบด้วย
1. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)
2. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และ
3. สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์
สำหรับมาตรฐานบัญชีในประเทศที่พัฒนาแล้วนั้นจะเห็นว่า มีความเข้มงวดในหลายๆ เรื่องค่อนข้างมาก เพื่อสร้างความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลให้กับผู้ที่ต้องใช้ข้อมูลทางบัญชีในการลงทุน และประเทศในภูมิภาคเอเชียที่มีการใช้มาตรฐานบัญชีที่ก้าวหน้าที่สุด คือ ประเทศสิงคโปร์ ในขณะที่อีก 2 ประเทศ คือ จีนและฮ่องกง ปัจจุบันมีมาตรฐานทางบัญชีเป็นที่ยอมรับในระดับสากลแล้ว ขณะที่ประเทศอื่นๆเช่น ญี่ปุ่น และเกาหลีไต้ มีนโยบายยกระดับมาตรฐานบัญชีเทียบเท่าระดับสากลภายในปี 2010( พ.ศ.2553)
นางสาวแน่งน้อย กล่าวว่า สำหรับไทยนั้น ปัจจุบันสภาวิชาชีพบัญชี ฯ อยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่องการปรับปรุงแก้ไขมาตรฐานทางบัญชี 28 ฉบับ เพื่อให้เป็นมาตรฐานสากล โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆคือ
กลุ่มที่ 1 การปรับปรุงมาตรฐานบัญชีเดิมที่มีอยู่แล้วให้ทันสมัยและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งคาดว่าจะปฏิบัติและมีผลบังคับใช้ในปี 2551 โดยมาตรฐานบัญชีบางเรื่องมีการบังคับใช้อยู่แล้ว แต่จะปรับปรุงให้ชัดเจนขึ้น เช่น การกำหนดให้กิจการจะต้องทำประมาณการเกี่ยวกับพนักงาน(Employee benefits)ที่มาตรฐานบัญชีใหม่กำหนดให้กิจการต้องทำประมาณการอัตราการลาออกของพนักงาน อัตราการเพิ่มของเงินเดือน และจัดกลุ่มพนักงานที่คาดว่าจะอยู่กับบริษัทไปจนจะเกษียณ แล้วคิดเป็นอัตราในแต่ละปี เพื่อตั้งสำรองหนี้สินส่วนที่จะเกิดขึ้น
ซึ่งการทำประมาณการเกี่ยวกับพนักงานจะทำให้กิจการสะท้อนภาพที่แท้จริงได้มากขึ้น สำหรับธุรกิจที่จะไดรับผลกระทบคือ บริษัทที่มีพนักงานจำนวนมาก หรือบริษัทที่มีพนักงานอายุต่ำ และจะต้องอยู่กับกิจการไปจนเกษียณอายุการทำงาน เช่น ธุรกิจโทรคมนาคม รัฐวิสาหกิจ
นอกจากนี้จะมีการปรับเปลี่ยนเรื่อง ภาษีเงินได้รอจัดจ่าย (Deferred income tax) ,การกำหนดเรื่องสินทรัพย์ไม่มีตัวตนสุทธิ ให้ชัดเจนมากขึ้น เช่น ค่าความนิยม ใบอนุญาตธุรกิจหลักทรัพย์ และมาตรฐานบัญชีการลงเงินอุดหนุนจากรัฐบาล
กลุ่มที่ 2 เป็นมาตรฐานทางบัญชีใหม่ที่จะนำมาบังคับใช้ในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 2552 เช่น มาตรฐานบัญชีเกี่ยวกับการบันทึกรายการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน, มาตรฐานบัญชีเกี่ยวกับธุรกิจประกันภัยซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีการระบุรูปแบบที่ชัดเจน, มาตรฐานบัญชีสินค้าเกษตรกรรมซึ่งจะให้มีการบันทึกสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของสินค้าเกษตรกรรม เช่น มูลค่าของต้นไม้ โดยจะทำให้สินทรัพย์ที่มีอยู่ในขณะนั้นๆสามารถสะท้อนราคาที่แท้จริงได้มากขึ้น, มาตรฐานบัญชีเกี่ยวกับการบันทึกผลตอบแทนให้พนักงานหรือกรรมการบริษัทในรูปของการให้หุ้น( ESOP )ที่ต้องบันทึกบัญชีในวันที่มีการประกาศให้ผลตอบแทนดังกล่าวโดยทันที ขณะที่ปัจจุบันจะบันทึกบัญชีก็ต่อเมื่อมีการใช้สิทธิ์
มาตรฐานบัญชีใหม่ จะทำให้งบการเงินของกิจการสะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น จากการเปลี่ยนแนวคิดการบันทึกบัญชีเป็นมูลค่ายุติธรรม(Fair value)จากเดิมที่ใช้ราคาทุน (Historical costs)อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังมีข้อถกเถียงกันในกลุ่มผู้สอบบัญชีเกี่ยวกับการประเมินราคาเหมาะสมของสินทรัพย์ที่ค่อนข้างทำได้ยาก เนื่องจากประเทศไทยยังไม่สามารถหาตลาดที่กำหนดราคากลางของสินค้าได้ครอบคลุมเหมือนต่างประเทศ นางสาวแน่งน้อยกล่าว
สำหรับกลุ่มที่ 3 เป็นมาตรฐานทางบัญชีเกี่ยวกับเครื่องมือทางการเงิน ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 2553 โดยเป็นมาตรฐานบัญชีที่เกี่ยวเนื่องกับเครื่องมือทางการเงิน ซึ่งเป็นการปรับปรุงมาตรฐานบัญชี 4 ฉบับ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูล การปรับโครงสร้างหนี้ และการลงทุนในเครื่องมือทางการใหม่ๆ มารวมกันเหลือ 3 ฉบับคือ IAS 32, IAS 39 และ IFRS 7 ซึ่งทั้ง 3 ฉบับ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเครื่องมือทางการเงิน
นางอุณากร พฤติธาดา ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตและหุ้นส่วน บริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์ ฯ กล่าวว่า กิจการที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรฐานบัญชีที่เกี่ยวเนื่องกับเครื่องมือทางการเงิน คือ บริษัทที่มีสินทรัพย์ทางการเงินและหนี้สินทางการเงินจำนวนมาก คือ สถาบันการเงิน และธนาคารพาณิชย์ รวมถึงบริษัทที่มีการลงทุนในเครื่องมือทางการเงินเหล่านี้ด้วย เนื่องจากตามมาตรฐาน IAS 39 กำหนดให้มีการบันทึกบัญชีตราสารอนุพันธ์และให้ลงราคายุติธรรมด้วย ซึ่งเป็นราคาตลาด ดังนั้นบริษัทที่มีการใช้เครื่องป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน ทั้งการซื้ออนุพันธ์ สว็อป กรณีป้องกันความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ย ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน IAS 39 ด้วย

ข้อมูลจาก ฐานเศรษฐกิจ
Link ที่เกี่ยวข้อง http://www.cpaccount.net/update-accounting-news/42-accounting-news-category/168--4-ias-39

เตรียมสอบ CPA

เตรียมสอบ CPA
ระเบียบในการทดสอบ CPA

แหล่งข้อมูลสอบบัญชี CPA - เตรียมตัวสอบ CPA
1. ห้ามเข้าห้องสอบหลังเวลาเริ่มสอบ (13.00 นาฬิกาตรง) เว้นแต่กรณีมีเหตุจำเป็น และได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่คุมสอบ ภายในเวลา 13.10 น.
2. ควรแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย และห้ามสวมกางเกงขาสั้น เสื้อไม่มีแขน หรือรองเท้าแตะเข้าห้องสอบ
3. ต้องนำบัตรประจำตัวสอบและบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรที่ทางราชการออกให้ ซึ่งมีรูปถ่าย ลายมือชื่อ และเลขประจำตัวประชาชน ไปในวันสอบทุกครั้ง เพื่อใช้แสดงคู่กัน มิฉะนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าห้องสอบ
4. ให้วางบัตรประจำตัวสอบและบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรที่ทางราชการออกให้ไว้บนโต๊ะเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และลงลายมือชื่อเข้าทดสอบในแบบฟอร์มที่กำหนด
5. ห้ามมิให้ออกจากห้องสอบจนกว่าเวลาล่วงไปแล้ว 1 ชั่วโมง และห้ามลุกไปจากที่นั่งก่อนหมดเวลาสอบโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่คุมสอบก่อน เว้นแต่เพื่อส่งสมุดคำตอบก่อนหมดเวลา หรือพบเจ้าหน้าที่คุมสอบเพื่อขออนุญาตใดๆ
6. ให้เขียนชื่อ นามสกุล และเลขประจำตัวสอบ วิชาที่สอบ ครั้งที่สอบ ข้อที่ตอบ (กรณีตอบในสมุดคำตอบ) ลงบนกระดาษคำตอบปรนัยและปกสมุดทุกเล่มเฉพาะในที่ที่กำหนด ด้วยปากกาหมึกสีน้ำเงินหรือสีดำเท่านั้น และระบายเลขประจำตัวสอบในวงกลมด้วยดินสอดำ 2 บี หรือดำกว่าให้ถูกต้อง หากเขียนหรือระบายเลขประจำตัวสอบไม่ถูกต้องจะถือว่าไม่ได้คะแนนในวิชานั้น แม้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์จะรวบรวมคะแนนได้หรือไม่ได้ก็ตาม
7. ห้ามเขียนชื่อ นามสกุล หรือลงลายมือชื่อผู้เข้าทดสอบ หรือทำเครื่องหมายใดๆ ลงในกระดาษคำตอบหรือสมุดโดยเด็ดขาด แม้ขีดฆ่าหรือตกเติมก็ห้ามลงชื่อกำกับ เว้นแต่เป็นไปตามข้อ 6
8. ข้อสอบอัตนัย
1. ให้เขียนคำตอบแต่ละข้อในสมุดคำตอบแต่ละเล่มตามสีที่กำหนดให้ด้วยปากกาหมึกสีน้ำเงินหรือสีดำเท่านั้น กรณีเขียนคำตอบในสมุดผิดเล่มไม่ตรงตามสีที่กำหนด ให้แจ้งเจ้าหน้าที่คุมสอบทราบเพื่อดำเนินการแก้ไขและลงชื่อกำกับไว้ ห้ามฉีกกระดาษออกจากสมุดคำตอบโดยเด็ดขาด หากเขียนคำตอบด้วยดินสอ หรือทำสมุดผิดเล่มไม่ตรงตามสีที่กำหนดและไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่คุมสอบแก้ไข หรือฉีกกระดาษออกจากสมุดคำตอบ อนุกรรมการจะไม่ตรวจคำตอบและปรับเป็นสอบตกในข้อนั้น
2. ห้ามเขียนคำตอบเป็นภาษาอื่น ให้เขียนคำตอบเป็นภาษาไทยเท่านั้น เว้นแต่เป็นศัพท์เทคนิคอาจเขียนเป็นภาษาอังกฤษ หากฝ่าฝืนอนุกรรมการจะไม่ตรวจคำตอบและปรับเป็นสอบตกในข้อนั้น
9. ข้อสอบปรนัย ให้ตอบในกระดาษคำตอบโดยระบายในวงกลมที่ต้องการแต่ละข้อเพียงวงกลมเดียวด้วยดินสอดำ 2 บี หรือดำกว่า
10. เมื่อมีสัญญาณหมดเวลาแล้ว ให้หยุดเขียนคำตอบทันที และจะออกจากห้องสอบได้ก็ต่อเมื่อส่ง ข้อสอบ กระดาษคำตอบ และสมุดคำตอบต่อเจ้าหน้าที่คุมสอบแล้ว
11. ลงชื่อส่งกระดาษและสมุดคำตอบก่อนออกจากห้องสอบ ห้ามนำข้อสอบ กระดาษคำตอบ และสมุดคำตอบออกจากห้องสอบโดยเด็ดขาด
12. ห้ามนำเครื่องมือสื่อสารอิเลคทรอนิคส์ทุกชนิด อาทิ โทรศัพท์เคลื่อนที่ วิทยุติดตามตัว วิทยุสื่อสาร เครื่องบันทึกภาพและเสียง เป็นต้น เข้าห้องสอบ หากฝ่าฝืนเจ้าหน้าที่คุมสอบจะให้ออกจากห้องสอบทันทีและถือว่าสอบตกในวิชานั้น
13. ห้ามนำหนังสือ ตำรา เอกสาร หรือโน้ตย่อใดๆ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับวิชาที่สอบนั้นเข้าห้องสอบโดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะถือว่ามีเจตนาทุจริตในการสอบ
14. ห้ามกระทำการใดๆ อันเป็นการทุจริตในการสอบ หากมีการทุจริตในการสอบ จะถูกตัดสิทธิในการเข้าทดสอบตลอดไป

การเลือกโปรแกรมทงบัญชีให้เหมาะสมกับเรา

โปรแกรมบัญชี เลือกให้เหมาะสมกับเรา
การเลือก โปรแกรมบัญชี (Accounting Software) ท่านจะต้องเปิดโอกาสให้ทีมงานที่เกี่ยวข้องของท่านได้มีส่วนร่วมในการสรรหาด้วย เพราะเคยเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆว่าผู้บริหารเป็นผู้เลือกและตัดสินใจ ซื้อเสร็จก็โยนให้ฝ่ายบัญชีไปใช้ ปรากฎว่าฝ่ายบัญชีรู้สึกว่าถูกบังคับก็เลยเกิดการต่อต้านหรือเกิด ความไม่ชอบและไม่ให้ความร่วมมือ จนในที่สุดก็กลายเป็นความล้มเหลว
ปัจจัยที่จะต้องพิจารณาในการ เลือก โปรแกรม บัญชี มีดังนี้
• งบประมาณ ก่อนที่จะเริ่มต้นเลือกโปรแกรมบัญชี เราต้องทำการจัดสรรงบประมาณเสียก่อน สิ่งที่จะเกี่ยวข้องคือ ค่าใช้จ่ายสำหรับ โปรแกรมบัญชี ค่าใช้จ่ายในเรื่องHardware และที่จะใช้ติดตั้งโปรแกรมฯนั้น
• พิจารณาคุณสมบัติของ โปรแกรมบัญชี สามารถรองรับความต้องการที่สำคัญๆ ส่วนใหญ่ของธุรกิจโปรแกรมบัญชีในตลาดนั้นมีหลากหลายแตกต่างกันไปทั้งลักษณะการใช้งานและราคา ในปัจจุบันมีทั้ง โปรแกรมบัญชีฟรี และ โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป ที่เสียเงิน เช่น
o โปรแกรมบัญชี express
o โปรแกรมบัญชี autoflight
o โปรแกรมบัญชี cd
o โปรแกรมบัญชี easy
o โปรแกรมบัญชี easy acc
o โปรแกรมบัญชี erp
o โปรแกรมบัญชี excel
o โปรแกรมบัญชี formula
o โปรแกรมบัญชี free
o โปรแกรมบัญชี gl

ปัจจุบันมี Accounting Software หรือโปรแกรมบัญชี ให้ลอง Download มาจาก Internet มากมาย เราสามารถไปลอง Load ลงมาลองเล่นดูควบคู่ไปกับศึกษาคุณสมบัติได้

การที่จะเลือกซื้อนั้นเราต้องสำรวจความต้องการธุรกิจของเราด้วยการเรียงลำดับความสำคัญของงานที่ต้องการ โปรแกรม ฯ ดังกล่าวควรรองรับความต้องการที่เรียงลำดับไว้ 70-80%
บางกิจการพอเริ่มจะเปลี่ยนจากการไม่เคยใช้คอมฯเลย แต่พอวางแผนจะใช้ขึ้นมาก็ตั้งเป้าไปถึงขนาด ว่าต้องเป็น Web base accounting ซึ่งอาจไกลเกินเอื้อมจนทำให้ โครงการล้มเหลว โปรดระลึกเสมอว่าควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ทีละขั้น ทีละตอน จะประสบความสำเร็จมากกว่า และพิจารณาถึง
• โปรแกรมบัญชีนั้นต้องมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยน ความต้องการพื้นฐาน ให้เป็นไปตามความต้องการได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาโปรแกรมเมอร์ เช่น เราอาจจะต้องการตัวเลขไปทำรายงานต่อในโปรแกรมอื่นต้องสามารถทำได้เองอย่างง่าย
• ความเร็ว เมื่อเริ่มแรกที่ข้อมูลยังมีไม่มาก โปรแกรมบัญชีอาจมีความสามารถที่ดูไม่ต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ควรมองให้ลึกก็คือเมื่อมีข้อมูลมากขึ้น โปรแกรมนั้นจะมีขีดความ สามารถที่จะรองรับหรือไม่
• Programming Bug เป็นธรรมดาของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่อาจจะมี bug ซึ่งจะก่อให้เกิดการหยุดชะงักในการประมวลผล เพื่อความปลอดภัย โปรดสอบถามผู้ขายว่า โปรแกรมนั้นมีผู้ใช้จำนวนกี่ราย และเลือกโปรแกรมที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดจะปลอดภัยกว่า อีกทางหนึ่งคือเลือกโปรแกรมที่พัฒนาจากบริษัทฯที่มีชื่อเสียงทางด้านนี้ ก็จะให้ความั่นใจได้ดีกว่า
อีกประการหนึ่งโปรแกรมที่ดีจะต้องมีเครื่องมือจัดการซ่อมแซมฐานข้อมูลเมื่อเกิดการบกพร่องในการประมวลผลเช่นเมื่อไฟดับ ในระหว่างกำลังสั่งประมวลผลข้อมูลอยู่จะทำให้โปรแกรมเกิดอาการรวน โปรแกรมที่ดีจะต้องมีเครื่องมือที่จะช่วยกู้ข้อมูลที่รวนนี้กลับมาได้
• พิจารณาคุณสมบัติของผู้จำหน่ายโปรแกรม สิ่งที่สำคัญพอๆ กันกับการเลือกโปรแกรมบัญชีก็คือคุณต้องให้ความสำคัญในการพิจารณาผู้ที่จำหน่ายโปรแกรมบัญชีนั้น เพราะเขาจะต้องเป็นผู้ที่อบรมและคอยให้คำปรึกษาในการใช้งานแก่คุณตลอดไป ท่านจะต้องเลือกผู้ที่มีความรู้ในโปรแกรมนั้นเป็นอย่างดี อาจดูจากการที่เขาได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในการจำหน่ายโปรแกรมนั้นหรือเป็นผู้พัฒนาโปรแกรมด้วยตนเอง และสามารถให้คำปรึกษาในการใช้งานได้จริงหลังการขาย
ท่านสามารถตรวจสอบได้ด้วยการสอบถามประสบการณ์จากผู้ที่ใช้โปรแกรมกับนั้นอยู่ เมื่อเลือกสรรจนได้โปรแกรมที่เข้าตากรรมการสักหนึง ถึง สามรายแล้ว ด่านสุดท้ายก็คือ ให้ขอรายชื่อผู้ที่ใช้โปรแกรมนั้น จากผู้ขาย สักห้าราย เพื่อที่ท่านจะสามารถ สอบถามผู้ที่ใช้งานจริงว่ามีการใช้งานเป็นอย่างไร มีความพอใจกับโปรแกรมฯนั้นหรือไม่ บริการหลังการขายของผู้ขายเป็นอย่างไร และมีปัญหาใดที่เกิดขึ้นจากการใช้หรือไม่

มุมสบาย สไตล์เด็กบัญชี

สบายๆสไตล์ Audit
สาวบัญชี เรื่องเล่าสาวบัญชีรรมศาสตร์
Tuesday, 10 June 2008 23:46
ทุกข์ของสาวๆ วัยรุ่นหน้าเปื้อนสิวสมัยนี้ นอกจาก "วันนี้ชั้นจะใส่กางเกงในสีอะไรดี?" "อยากได้กระเป๋าใบนั้น แต่ไม่มีเงิน ว้า...แย่จัง ทำไงดีน้า" ฯลฯ ก็ยังมีเรื่องของการรักษาหุ่น ให้ดูเพรียว ดูผอม ใครผอมคนนั้นชนะเลิศ รู้สึกภาคภูมิใจ เดินเชิด ชั้นสวย ชั้นหยิ่งภูมิใจมาก ประหนึ่งบรรพบุรุษ เป็นหน่วยกู้ชาติ สร้างชื่อเสียงให้กับวงศ์ตระกูล ทั้งที่บางคนนั้นหุ่นดีจริง แต่หน้าตาผิดระเบียบมาก!!!

ไม่รู้ว่าใครยัดเยียด ความเชื่อแบบแปลก ๆ นี้ใส่สมองวัยรุ่นไทย ขอบอกตรงนี้เลยว่า ผู้หญิงสวย ไม่จำเป็นต้องผอมเสมอไปหรอก ดูอย่างนักร้องแหบเสน่ห์อย่าง "ใหม่ เจริญอาหาร" แม้ว่าก้อนเนื้อมิติจะอวบไปสักนิด แต่ก็สวยบาดใจใครหลายคน (ได้ข่าวว่าตอนนี้พี่ใหม่กำลังพยามทำลายก้อนเนื้อเหล่านั้นให้มีมิติที่ลดลง ด้วยการเป็นพรีเซนเตอร์ให้สถานเสริมความงามยี่ห้อหนึ่ง เฮ้อ...เบื่อจริงๆ)



ไม่เป็นไร ถ้าอยากลดความอ้วน อยากผอม อยากสวย แล้วทำเท่าไหร่ก็ไม่สมใจ กินยาก็แล้ว ออกกำลังกายก็แล้ว ชีวิตก็ยังไม่ดีขึ้น บางอารมณ์อยากตัดนมทิ้งสักข้างให้มันรู้แล้วรู้รอดไป เผื่อน้ำหนักจะลดลงบ้าง แต่ก็ยังไม่กล้า กลัวจะเดินเสียศูนย์ วันนี้เรามีทีเด็ดในการลดความอ้วนแบบฉบับ Boring ด้วยคอร์สลดความอ้วน 360 องศา (แก้ปัญหารอบทิศทาง)

1. เลิกอยู่หอ สาเหตุหนึ่งของความอ้วน คือ การอาศัย อยู่ตามหอพักนักศึกษา บางกระแสยืนยันว่าตามหอพักมักจะมี "ผีอาหาร" สิงอยู่ตามซอกลิฟท์ ช่องแอร์ หรือแม้แต่ในฝักบัว ทำให้เราอ้วนขึ้นได้ง่าย

กรณีนี้ "อ้วน" ไม่ได้เป็น โรค อย่างที่นักวิชาการ หลายคนเข้าใจไปเอง แต่ "อ้วน" คือ อาการอย่างหนึ่ง หลังโดนผีอำ พอผีมาอำเราแล้วเราจะนอนไม่หลับ จะหิวตลอดเวลา แถวหอพัก มักจะมีภาพหลอน เสมือนจริง และ สัมผัสได้เป็นพวก มินิมาร์ท, ข้าวมันไก่, ข้าวขาหมูรานขาวต้มรอบดึก (อันนี้กินหลังเที่ยงคืนจะเด็ดมาก "น้องๆเอาผักบุ้งไฟแดง เอาไฟแดงๆเลยนะ สีอื่นไม่ถูกโฉลกเดี๋ยวผิดผี แล้วก็ยำปลาสลิดที่นึง ไข่เจียวหมูสับที่นึง ข้าวต้มมา 2" โอ๊ย...สุดยอด (แล้วจะมาสั่งอาหารทำไมเนี่ย!)

เด็กเฟรชชี่ปี 1 บางท่าน มาอยู่หอได้ 3 เดือน กลับบ้านไปบุพการีตกใจ นึกว่าลูกสาวตัวเอง โดนข่มขืน กลายเป็นเด็กใจแตก รักสนุก ท้องไม่มีพ่อ คุณพ่อคุณแม่รับความจริงที่โดนปกปิดมา โดยตลอดคือ ลูกสาวของท่านโดน "ผีอาหาร" อำต่างหาก ทางออกคือรีบย้ายออกจากหอพัก หรือจ้าง เณรแอ มาปราบผีโดยปัจจุบันทันด่วน

2.เปลี่ยนเมนู ชื่อของอาหารสามารถกระชากน้ำลาย และน้ำย่อย ออกมาล้อเล่น กับร่างกายของเราได้ง่ายๆ บางคนได้ยินแค่คำว่าพิซซ่า, ไก่ผัดเม็ดมะม่วง, กุ้งเผา ก็คุ้มคลั่งหิวจะเป็นจะตายแล้ว แต่ถ้าอยากจะลดความอ้วน ก็ควรจะต้องเปลี่ยนชื่อเรียกเมนูโปรด ของเราซะใหม่ ให้มันดูน่ากินน้อยลง แต่ถ้าเปลี่ยนชื่อเมนูแล้วมัน hardcore เกินจะรับได้ ก็ผันภาษาให้เป็นอิงลิชซะ จะได้ดูอ้วกน้อยลง แถมยังดูมีการศึกษาอีกด้วยนะ เช่น

แกงเหลือง เปลี่ยนเป็น Shit Curry

ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า เปลี่ยนเป็น Vomit Noodle
ขนมปังสังขยา เปลี่ยนเป็น Sticky dip mocus
เบีย์ร เปลี่ยนเป็น Urine Water

3. กินไฟเบอร์ อาหารที่มีไฟเบอร์ก็จะเป็นพวก ถั่ว, ธัญพืช, เม็ดแมงลัก, ส้มแขก, สาหร่าย ฯลฯ พอกินเข้าไปแล้ว มันก็จะเข้าไปทำการหลอกล่อกระเพาะอาหาร ของเรา ให้อิ่มเร็ว อิ่มไว ขี้ง่ายถ่ายคล่องเหมือนคนเกิดมา เพื่อรับภารกิจ อันใหญ่หลวงนี้โดยเฉพาะ ในแวดวงวิชาการ ย่านประตูน้ำ เรียกพวกอาหารไซเบอร์อย่างสนิทสนมว่า "อาหารตอแหล" (ใครที่ตอแหลเก่งร่างกายหลั่งสาร ประเภทนี้ได้เอง แนะนำให้กินขี้ไคลตัวเองเพื่อเป็น การประหยัดงบประมาณ)
แต่สำหรับใครที่มีเวลาว่างในการออกไปชอปปิ้งซื้ออาหาร ไฟเบอร์ มารับประทาน อนุโลมให้กินแผ่นไฟเบอร์ที่ใช้ใน การประกอบ อุตสหกรรม ประกอบหลังคารถกระบะ, ตัวถังเจ็ตสกี แทนไปก่อน อาจขอคำแนะนำจากพี่ เจ เจตริน หรือพี่เปิ้ลนาคร ว่ารุ่นไหนแรงประกอบการตัดสินใจ แต่วิธีหลังแนะนำเฉพะยามขัดสนจริงๆ เพราะถ้ารับประทานสม่ำเสมออาจได้ไปถวายพระยมบาล ในนรก เพื่อขอวีซ่าไปเกิดใหม่เป็นแน่แท้

4. สร้างสถานการณ์ ข้อนี้เหมาะสำหรับคนที่หลอกตัวเองเก่งๆ หรือหลอกตัวเองได้ตลอดเวลาโดยการสร้างสถานการณ์ต่าง ในชีวิตประจำวัน ให้ชีวิตดูยุ่งยากขึ้น ลำบากขึ้น เหน็ดเหนื่อยขึ้น

- เวลาไปไหนมาไหนอย่านั่งรถ มันสบายเกินไป ให้หลอกตัวเองว่าที่เราจะไปมันใกล้มาก เดินเดี๋ยวเดียวก็ถึง แล้วเดินไปแทน แรกๆ อาจจะใช้กับทางใกล้อย่างเช่น ไปโรงเรียน ไปเลือดตั้ง ไปตลาด พอแก่กล้าแล้วอาจมีการเดินไปกลับ กรุงเทพ - เชียงใหม่ เป็นว่าเล่น
- ไปสยาม จอดรถเดอะมอลล์บางกะปิ
- เดินจงกรมรอบสนามหลวง 3 รอบทุกครั้งที่เวียนไปละแวกนั้น เพราะหลอกตัวเองว่าเราเป็นนักบวชเผ่ายะเฮ้ห์ที่ได้รับมอบหมายให้มาแสวงบุญ ย่านนี้

5. ออกกำลังกาย การที่เราจะลดความอ้วนแล้วขาดการออกกำลังกายนั้น ถือเป็นการลดความอ้วนที่ค่อนข้างผิดวิธีอย่างยิ่ง (พูดเหมือนทุกข้อข้างบนถูกวิธีตายล่ะ) แต่วิธีเดิมๆ ที่ชาวบ้านเค้าทำนั้นก็น่าเบื่อ ไม่ได้คลาส ไม่เหมาะกับวัยรุ่นไทยอย่างเราๆ ท่านๆ จะออกกำลังกายทั้งทีก็ควรที่จะมีประโยชน์ต่อสังคม อารมณ์บำเพ็ญประโยชน์ของ "ลูกเสือ - เนตรนารี"

- ออกท่าเต้นประกอบการโบกรถของตำรวจจราจรทุกเช้า
- เช็ดกระจกรถทุกคันรอบๆ ข้าง แข่งกับเด็กพม่าทุกสี่แยกไฟแดง
- เป็นเด็กเดินโพยช่วยโต๊ะบอลแถวบ้าน เป็นอาทิ

ถ้าทำได้ทุกข้อที่กล่าวมา ก็จะช่วยทำให้ไขมันที่ระเริงอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายบอกเลิกเราไปได้ประมาณ 0.88 เปอร์เซ็นต์ คุณจะสวยขึ้น ผอมขึ้น ผิดหูผิดตา สุนัขที่บ้านยังเห่าทัก
ความผอม ความสวย ไม่ได้บ่งบอกถึงความฉลาด ไม่ได้บอกความดีของคนเลย อย่างที่รู้กันว่ามี นางแบบไทยท่านหนึ่งที่เคย ทำเพื่อชาติ ไปโกยเงิน ไอ้หรั่งกลับบ้านเรา ออกมาแฉถึงวงการ นางแบบโลกว่า สาวๆ บนแคทวอล์ก นิยม อัพยา เป็นงานอดิเรก ถ้าอาชีพอย่างนั้น การประพฤติตัวอย่างนั้น คือฮีโร่ของคุณ คุณก็มีฮีโร่เป็น "ทุย" แล้วล่ะ
ขอให้เด็กไทยมีสัดส่วนสมอง 33-24-35(สร้างสรรค์-เลือกจำ-เป็นตัวของตั